Pages

3 เม.ย. 2558

แนวคิดในการเลือกซื้อหุ้น (+กองทุน, LTF, RMF, ตราสารหนี้, forex) ของผม (ยังไม่ได้ลองซื้อ)

ก่อนอื่นต้องคิดว่า เราอยากได้เงินเท่าไร ในเวลากี่ปี
อย่างเช่น คิดว่า อยากได้เงิน 1 ล้าน ในเวลา 5 ปี
คือ อยากคิดก็คิดได้นะ แต่ถ้าหวังสูงมาก โอกาสอด โอกาสขาดทุนก็จะมีสูง

การเลือกซื้อหุ้นต้องคิดอยู่ 3 อย่างครับ
  1. ซื้อช่วงจังหวะเวลาไหน (คือ เดือนไหนของปี วันที่เท่าไร)
  2. ซื้อหุ้นตัวไหนดี
  3. ต้องใช้เงินต้นเท่าไร
การเลือกว่าจะซื้อหุ้นเวลาไหน ถ้าเป็นการทำเงินระยะสั้น ให้เอากราฟเทคนิคมาจับ ถ้าเป็นระยะยาวให้ดูตามพื้นฐานของบริษัท+ข่าว

การตัดสินว่าเป็นระยะสั้น ระยะกลาง หรือระยะยาว ให้ดูตามจำนวนปี จำไม่ได้เหมือนกัน แต่โดยประมาณ น่าจะ น้อยกว่า 1 ปี ระยะสั้น, 1-10 ปี ระยะกลาง, มากกว่า 10 ปี ระยะยาว

เลือกซื้อตัวไหน? หลักการซื้อหุ้นควรกระจายความเสี่ยงครับ หลักการคือควรเลือกซื้อในหลายๆ sector ที่เวลามีข่าวร้ายหรือหุ้นตก จะได้ตกไม่พร้อมกัน

เมื่อเลือก sector แล้ว ก็เลือกหุ้นในแต่ละ sector ที่พื้นฐานดี ถ้าเป็นการเล่นหุ้นระยะยาว ถ้าเป็นระยะสั้น ไม่แน่ใจเหมือนกัน ให้ดูตามกราฟเทคนิค และการที่มีข่าวหวือหวา

การเลือกหุ้นอาจดูจากกราฟเทคนิค ดูได้ฟรีที่เว็บ siamchart ดูได้ทั้งกราฟแท่งเทียน, sma, Bollinger Bands, MACD, RSI แล้วก็ดูได้ทั้งหุ้น, LTF, RMF, กองทุนอื่นๆ แต่น่าจะต้องอยู่ในประเทศไทยเท่านั้นนะ

ต้องใช้เงินต้น เท่าไร ต้องรู้ว่าโดยเฉลี่ยหุ้นโตเท่าไร ซื่งขึ้นอยู่กับเศรษฐกิจ การเมือง ข่าวต่างประเทศด้วย parameter ที่ใช้ประเมินก็อาจจะเป็น SET index, SET50 index ถ้าเป็น SET index ก็หมายถึงหุ้นทุกตัวในตลาดหลักทรัพย์ (SET) ส่วน SET50 ก็เอาแค่บริษัทื่มีขนาดใหญ่และมั่นคง 50 อันดับแรก

ช่วงที่การเมืองและเศรษฐกิจไม่ค่อยดี อย่างเช่นมีรัฐประหาร SET index ก็อาจจะไม่ค่อยโตเลยหรือตกลง ส่วนช่วงที่เศรษฐกิจปกติ เขาบอกว่าเล่นหุ้นเน้นคุณค่า (ระยะยาว) โตได้ถึง 15-20% ต่อปี เลยนะ ถ้าเศรษฐกิจดี อาจจะโตมากกว่านั้น อย่างเช่น 50% ต่อปี ถ้าเล่นหุ้นระยะสั้น การโตของหุ้นอาจจะหวือหวามากกว่านั้น เช่นขึ้นมา 50% 100% ในช่วงเวลาสั้นๆ

ส่วนการประเมินการเติบโตของหุ้นในแต่ละ sector ก็ทำได้นะ ดูตามข่าว ดรรชนีของแต่ละ sector ก็หาดูได้ กราฟหุ้นของ SET index และ index ของแต่ละ sector และ trend line หาดูได้จาก web siamchart ครับ

หุ้นสามารถซื้อได้ที่บริษัทหลักทรัพย์ อย่างเช่นบริษัทหลักทรัพย์บัวหลวง (ติดต่อได้ที่ธนาคารกรุงเทพ) บริษัทหลักทรัพย์ MayBank KimEng หรือติดต่อที่ธนาคารต่างๆ ก็อาจจะมีบริการซื้อขายหลักทรัพย์
(หุ้น) ด้วย ซื้อแต่ละเจ้าก็มีความแตกต่างกันที่ 1. นโยบายการให้ฟรีค่าคอมมิชชั่น 2. เจ้าหน้าที่ที่จะให้คำแนะนำเรื่องหุ้น และการจัดประชุมสัมมนาให้ความรู้

นอกจากนี้ เราสามารถซื้อหุ้นต่างประเทศ (forex) online โดยตัดเงินจากบัตรเครดิตได้ โดยการสมัครผ่านทาง internet อย่างเช่น (ไม่ค่อยรู้จักผู้ให้บริการเท่าไร เพราะไม่ได้เล่น เขาบอกความเสี่ยงสูง) อย่างเช่น exness, Alpaca

การเลือกซื้อ LTF และ RMF ก็คือการเลือกซื้อกองทุนครับ กองทุนคือ portfolio หุ้น หรือการซื้อหลายๆตัว ที่มีคนเล่นให้ คนที่เล่นหุ้นให้มีชื่อว่า ผู้จัดการกองทุน โดยผู้จัดการกองทุนไม่จำเป็นต้องนำเงินทั้งหมดที่มีอยู่ในกองทุนเอาไปลงทุนครับ แต่เขาจะมีนโยบายอยู่ อย่างเช่นเอาเงินไปลงทุนในขณะในขณะหนึ่งอย่างน้อย 40% แต่ไม่เกิน 70% (จำตัวเลขไม่ได้เหมือนกัน)

เขาบอกว่า กองทุนที่มีความเสี่ยงน้อยที่สุด คือ กองทุนที่อิงดรรชนีตลาด เช่น SET index ครับ โดยเราไม่ต้องสนเลย ว่าผู้จัดการกองทุนเป็นใคร ส่วนกองทุนที่ผลตอบแทนมากที่สุดก็แล้วแต่เราจะเลือกเลยครับ แต่ความเสี่ยงก็จะมากขึ้น เราไม่จำเป็นต้องเลือกเฉพาะ LTF หรือ RMF นะครับ แต่มีกองทุนอื่นอีกมากมาย (ยกเว้นว่าเราจะลดภาษี)

กองทุนหาซื้อได้จากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ซื้อเราติดต่อได้จากธนาคารต่างๆ แต่จะแตกต่างจากหุ้นตรงที่ ถ้าเราไปธนาคารกรุงไทย เราไม่สามารถซื้อ LTF, RMF ของธนาคารกสิกรไทย ได้นะครับ เท่าที่รู้ มีบริษัทหนึ่งที่ให้บริการซื้อกองทุนได้ทุกเจ้าทุกกองทุน ก็คือ NOMURA พัฒนสิน ครับ (โดยไม่เก็บค่าบริการซื้อกองทุนเพิ่มเติมด้วยนะ และซื้อ LTF, RMF ก็ได้)

ตราสารหนี้ไม่แน่ใจว่าซื้อยังไง แต่เขาบอกว่า จะมีช่วงเวลาที่เขาเปิดให้ซื้อครับ แต่ถ้าเป็นกองทุนตราสารหนึ้ก็สามารถหาซื้อได้ง่ายมาก การซื้อตราสารหนี้เองน่าจะมีข้อจำกัดที่เงินที่ต้องใช้ อย่างเช่นจะซื้อ 100 หุ้นของ หุ้นละ 10,000 บาท ก็ต้องใช้เงินเยอะมาก ขั้นต่ำ 1 ล้านบาทครับ แล้วก็ไม่ได้เปิดซื้อขายตลอดเวลาด้วย ตราสารหนี้สามารถหาซื้อได้ที่บริษัทหลักทรัพย์

การจัด portfolio หรือรายการหุ้นที่ถือไว้ในขณะใดขณะหนึ่ง เขาบอกว่าให้คิดว่า เราจะทำเงินระยะสั้น ระยะกลาง หรือระยะยาวก่อนครับ จะได้ตัดสินได้ว่า เราจะถือหุ้นกี่เปอร์เซ็นต์ ตราสารหนี้กี่เปอร์เซ็นต์ อื่นๆเช่นพันธบัตรของรัฐบาลกี่เปอร์เซ็นต์ อย่างเช่น หุ้น 70% หนี้ 30% จริงๆเราจะซื้อหุ้นทั้ง 100% ก็ไม่มีใครว่าหรอกครับ แต่ความเสี่ยงจะสูงกว่า

ปล. ยังไม่ได้เริ่มซื้อหุ้น ซื้อแต่ LTF, RMF อะครับ แต่ขอพิมพ์บทความไว้ กันลืม

ปล2. พอหาข้อมูลมากๆ พอเห็นแนวทางในการพนันโดยใช้ forex เหมือนกันแฮะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น