ผมได้ไอเดียนี้มาจากการที่ว่า การจำ lecture ที่ดี เพื่อการสอบ ควรตั้งใจฟัง Eran Katz กล่าวไว้ว่า วิธีการที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดที่ผมรู้จัก คือ ตั้งใจฟัง lecture ไม่ต้องจด แต่ควรใช้เทปบันทึกเสียง แล้วก็ให้เพื่อนซักคนในกลุ่มถอดความจากเสียงเป็นตัวหนังสือ พิมพ์ออกมาให้ได้อ่านแล้วก็จดจำกัน
ผมขอต่อยอดจาดตรงนั้นครับ คือ ผมจะนั่งฟัง lecture อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด ไม่นั่งหลับ จับประเด็นได้
ผมได้ไอเดียว่าเราอาจจดเป็นแผนภาพ กระตุ้นในสมองเห็นภาพความเชื่อมโยง จากการที่เราสามารถวาดแผนภาพไป พูดไป ในขณะที่เรานำเสนอความรู้ สอนหนังสือ ขายสินค้าหรือผลิตภัณฑ์
เป็นแค่ไอเดียครับ ว่าการเขียนก็เป็นการตั้งใจฟังได้ ผมเองก็คงต้องฝึกอีกที
เรื่องการ present หรือการจดบันทึกยังมีอีก concept หนึ่งครับ คือ ถ้ามีสไลด์สำเร็จรูป/มี handout เราจำเป็นต้องพูดบรรยายได้ครับ ไม่ว่าจะเริ่มจากสไลด์ไหน
ถ้าเราเป็นคนสไลด์เอง โดยเฉพาะเป็นการ present งานวิจัยหรือตัวอย่างผู้ป่วย ก็มีจะความสำคัญที่เนื้อหาจะต้องพิมพ์ลงไปใน slide ให้ครบด้วยครับ
18 มิ.ย. 2558
15 พ.ค. 2558
ทำอย่างไรให้มี passive income เพียงพอต่อการเลี้ยงชีพ
การที่จะเกษียณตัวเอง -- ไม่ต้องทำงาน แล้วมีเงินพอใช้ ไม่ได้แปลว่าต้องมีเงินเก็บมากพอ เงินเก็บถึงจะมีเยอะ ก็มีโอกาสหมดได้อยู่ดี
มีอีกวิธีหนึ่ง คือ อยู่เฉยๆก็มีเงินเข้ามา ไม่ต้องเปลืองกำลังกาย กำลังสมอง ก็ได้แก่ การรับดอกเบี้ยเงินฝาก การเล่นหุ้นเล่นกองทุน การทำธุรกิจที่เราไม่ต้องออกแรงมากนัก เป็นต้น
ผมขอพูดถึง การรับดอกเบี้ย จากเงินฝาก หุ้น กองทุน ก่อน ว่าต้องมีเงินต้นเท่าไร
สมมุติเราต้องการใช้เงินปีละ 100,000 บาท
ดอกเบี้ยธนาคารสูงสุดปีละ 2% กองทุนตราสารหนี้ อาจจะซัก 5% กองหุ้น หรือซื้อหุ้นเอง ก็ซัก 10-20% คิดเป็นต้องใช้เงินต้น 5ล้าน, 2ล้าน และ 5แสน-1ล้าน บาท ตามลำดับ
ดังนั้นการทำให้มี passive income เพียงพอ เราจำเป็นต้องมีเงินเฉลี่ย 1ล้าน-2ล้าน บาท
นี่พูดถึงเฉพาะส่วนที่ใช้ลงทุนนะครับ เราจะใช้เงินลงทุน 1ล้าน-2ล้าน บาท คิดเป็นราวๆ 70% ของเงินทั้งหมด แปลว่า เราต้องมีเงินทั้งหมด 2-3 ล้านขึ้นไป
วิธีสร้างเงินล้าน มีวิธีคิด simple ที่สุด คือ ลงทุนเท่าๆกันทุกๆเดือน อาจจะซัก 10,000 บาท สมมุติลงทุนแล้วได้กำไรปีละ 10% ให้ได้เงิน 2ล้าน ลองคิดเลขออกมาแล้ว ใช้เวลาประมาณ 10 ปีครับ
ถ้าสมมุติว่าเริ่มต้นปีละ 1000 บาท ก็จะใช้เวลาราวๆ 30 ปีครับ
เห็นไหมครับว่าการที่จะมี passive income เพียงพอนั้นไม่ยาก เพียงแค่เราอดทนลงทุนอย่างต่อเนื่อง มีเงินเหลือไว้เพื่อลงทุนเสมอๆ แล้วก็อดทนรอเวลา แค่นี้ก็มีโอกาสสบายแล้วครับ
มีอีกวิธีหนึ่ง คือ อยู่เฉยๆก็มีเงินเข้ามา ไม่ต้องเปลืองกำลังกาย กำลังสมอง ก็ได้แก่ การรับดอกเบี้ยเงินฝาก การเล่นหุ้นเล่นกองทุน การทำธุรกิจที่เราไม่ต้องออกแรงมากนัก เป็นต้น
ผมขอพูดถึง การรับดอกเบี้ย จากเงินฝาก หุ้น กองทุน ก่อน ว่าต้องมีเงินต้นเท่าไร
สมมุติเราต้องการใช้เงินปีละ 100,000 บาท
ดอกเบี้ยธนาคารสูงสุดปีละ 2% กองทุนตราสารหนี้ อาจจะซัก 5% กองหุ้น หรือซื้อหุ้นเอง ก็ซัก 10-20% คิดเป็นต้องใช้เงินต้น 5ล้าน, 2ล้าน และ 5แสน-1ล้าน บาท ตามลำดับ
ดังนั้นการทำให้มี passive income เพียงพอ เราจำเป็นต้องมีเงินเฉลี่ย 1ล้าน-2ล้าน บาท
นี่พูดถึงเฉพาะส่วนที่ใช้ลงทุนนะครับ เราจะใช้เงินลงทุน 1ล้าน-2ล้าน บาท คิดเป็นราวๆ 70% ของเงินทั้งหมด แปลว่า เราต้องมีเงินทั้งหมด 2-3 ล้านขึ้นไป
วิธีสร้างเงินล้าน มีวิธีคิด simple ที่สุด คือ ลงทุนเท่าๆกันทุกๆเดือน อาจจะซัก 10,000 บาท สมมุติลงทุนแล้วได้กำไรปีละ 10% ให้ได้เงิน 2ล้าน ลองคิดเลขออกมาแล้ว ใช้เวลาประมาณ 10 ปีครับ
ถ้าสมมุติว่าเริ่มต้นปีละ 1000 บาท ก็จะใช้เวลาราวๆ 30 ปีครับ
เห็นไหมครับว่าการที่จะมี passive income เพียงพอนั้นไม่ยาก เพียงแค่เราอดทนลงทุนอย่างต่อเนื่อง มีเงินเหลือไว้เพื่อลงทุนเสมอๆ แล้วก็อดทนรอเวลา แค่นี้ก็มีโอกาสสบายแล้วครับ
ป้ายกำกับ:
fund,
investment,
passive income,
stock,
wealth
2 พ.ค. 2558
ขั้นตอนและแหล่งในการฝึกกีตาร์ (พื้นฐานแน่น) (ภาษาไทย)
ผมเชื่อว่าการจะทำอะไรได้ดี ได้ perfect ประยุกต์ได้ จำเป็นต้องมีพื้นฐานความรู้ที่ดีก่อนเสมอ ผมอยากจะฝึกเรียนรู้อะไรใหม่ด้วยตนเอง ในที่สุดก็มาเจอกับสิ่งหนึ่งที่ผมสนใจและฝึกฝนได้ไม่ยาก ก็คือกีต้าร์
แหล่งข้อมูลที่ผมกำลังจะพูดถึงก็คือ หนังสือ และวีดีโอซีดี และผมขอแนะนำจาก 2 สำนักพิมพ์นะที่นี้ คือ M.I.S. book และ I.S. publishing
หนังสือที่มีพื้นฐานในการจับคอร์ดและตีคอร์ดอย่างมีคุณภาพ ตอนแรกผมเจอ e-book เล่มนี้ก่อนครับ (ดาวน์โหลดได้ฟรี ไม่ผิดกฎหมาย และจริงๆสามารถหา video clip ประกอบทาง youtube ได้ ซึ่งมีคน upload ไว้อย่างผิดลิขสิทธิ์เล็กน้อย) (ภาษาอังกฤษ) ผู้สอน - Steve Krenz
http://www.learnandmaster.com/main/pages/resources/
http://www.learnandmaster.com/resources/Learn-and-Master-Guitar-Lesson-Book.pdf
http://www.learnandmaster.com/resources/Learn-and-Master-Guitar-Bonus-Workshop-Book.pdf
หนังสือภาษาไทยที่แนะนำเรื่องการจับคอร์ดและตีคอร์ด ผมยังหาที่ดีเท่าข้างบนไม่ได้ครับ
ส่วนในเรื่องของการเล่นกีต้าร์ด้วยนิ้วเป็นโน้ตตัวๆ ผมหาหนังสือดีๆได้หลายเล่มเลยครับ ผมชอบแนวที่เป็นวีดีโอ มีอาจารย์สอนตั้งแต่ขั้นพื้นฐาน การเรียนจะดีหรือไม่ดี ขึ้นอยู่กับว่าจะอาจารย์เก่งด้วยครับ ผมของแนะนำอาจารย์ท่านนี้ -- Calo "Guitarist" http://www.caloguitarist.com/
การเล่นกีต้าร์ด้วยนิ้ว ชื่อภาษาอังกฤษเค้าเรียกว่า fingerpicking หรือ picking หรือ fingerstyle ครับ เผื่อจะ google
หนังสือเล่มแรกที่ควรจะดูเป็นเล่มแรกๆคือ
แหล่งข้อมูลที่ผมกำลังจะพูดถึงก็คือ หนังสือ และวีดีโอซีดี และผมขอแนะนำจาก 2 สำนักพิมพ์นะที่นี้ คือ M.I.S. book และ I.S. publishing
หนังสือที่มีพื้นฐานในการจับคอร์ดและตีคอร์ดอย่างมีคุณภาพ ตอนแรกผมเจอ e-book เล่มนี้ก่อนครับ (ดาวน์โหลดได้ฟรี ไม่ผิดกฎหมาย และจริงๆสามารถหา video clip ประกอบทาง youtube ได้ ซึ่งมีคน upload ไว้อย่างผิดลิขสิทธิ์เล็กน้อย) (ภาษาอังกฤษ) ผู้สอน - Steve Krenz
http://www.learnandmaster.com/main/pages/resources/
http://www.learnandmaster.com/resources/Learn-and-Master-Guitar-Lesson-Book.pdf
http://www.learnandmaster.com/resources/Learn-and-Master-Guitar-Bonus-Workshop-Book.pdf
หนังสือภาษาไทยที่แนะนำเรื่องการจับคอร์ดและตีคอร์ด ผมยังหาที่ดีเท่าข้างบนไม่ได้ครับ
ส่วนในเรื่องของการเล่นกีต้าร์ด้วยนิ้วเป็นโน้ตตัวๆ ผมหาหนังสือดีๆได้หลายเล่มเลยครับ ผมชอบแนวที่เป็นวีดีโอ มีอาจารย์สอนตั้งแต่ขั้นพื้นฐาน การเรียนจะดีหรือไม่ดี ขึ้นอยู่กับว่าจะอาจารย์เก่งด้วยครับ ผมของแนะนำอาจารย์ท่านนี้ -- Calo "Guitarist" http://www.caloguitarist.com/
การเล่นกีต้าร์ด้วยนิ้ว ชื่อภาษาอังกฤษเค้าเรียกว่า fingerpicking หรือ picking หรือ fingerstyle ครับ เผื่อจะ google
หนังสือเล่มแรกที่ควรจะดูเป็นเล่มแรกๆคือ
มีเนื่อหาเรื่องวิธีการจับคอร์ด วิธีการตีคอร์ดเบื้องต้น วิธีการเกา fingerstyle ตัวอย่างไม่เยอะ และพื้นฐานและแบบฝึกหัดเยอะ
เล่มอันดับที่ 2 ที่ควรเปิดดูและแนะนำคือ
มีเพลงจริงให้เล่น เพลงฝึกง่าย หัดใช้ capo หัด tune down to Eb แต่เล่มนี้ไม่มีทฤษฎี เล่มนี้แนะนำมากๆครับ
หลังจากนั้น เล่มที่สาม แนะนำให้ดูเล่มนี้
พื้นฐานแน่นอีกแล้วครับ และตัวอย่างก็มีเยอะ สอนเล่นประมาณ 13 เพลง 12 ใน 13 เพลงสามารถเล่นได้ด้วยกีต้าร์โปร่งตัวเดียว และมีแถมเพลงเพิ่มอีก 11 เพลง เป็นเพลงแนว pop เกินครึ่งเป็นเพลงที่ผมรู้จักดีครับ (ผมอายุเกือบ 25 ปี เริ่มฟังเพลงทางวิทยุสมัครมัธยม ครับ)
ถ้าอยากเล่น fingerstyle เต็มเพลง ไม่ต้องเสียงร้องเสริม ผมไปเจอเล่มนี้ครับ เล่มนี้หาได้ง่ายมากตามร้าน se-ed เล่มนี้ผู้แต่ง ชื่อ แก้วใส ภูติมหาตมะ
ถ้าอยากหาหนังสือมาฝึก picking เพิ่มเติม ตอนนี้ผมแนะนำที่สุด คือ เล่มนี้ครับ ของสำนักพิมพ์ The Guitar หาได้ในเป็น I.S. Music publishing
เล่มนี้ไม่ได้มีแต่เพลงให้เล่นครับ แต่มีทฤษฎีกีต้าร์และแนวทางในการเล่นเพลง เทคนิคการร้องเพลงด้วยครับ
ถ้าใครอยากจะฝึก trick กีต้าร์โปร่ง อาจจะดูเล่มนี้ครับ
ตอนนี้กำลังอยากเรียนร้องเพลงครับ แนว sight-singing, solfege
25 เม.ย. 2558
วิธีการเล่นเพลงอะไรก็ได้ง่ายนิดเดียว - เราไม่จำเป็นต้องเล่นเพลงคนเดียว
ดูจากวงดนตรีแต่ละวง เล่นได้ง่ายๆโดยมีองค์ประกอบ ดังนี้
- จังหวะ ใช้ metronome กลอง หรือโปรแกรมสร้างจังหวะกลอง (อาจจะใช้ keyboard สร้างจังหวะกลองก็ได้)
- เสียงเบส หรือเสียงทุ้ม ใช้กีต้าร์ก็สร้างได้นะ หรือใช้คีย์บอร์ด เป็นเสียงต่ำๆ
- เสียงปานกลาง ใช้ตีคอร์ด สตรัมคอร์ด หรือกดคอร์ดซ้ำๆ (บนคีย์บอร์ด)
- เสียงสูง ใช้การร้องเพลง
จริงๆมีทฤษฎีอยู่นะ เรียกการประสานเสียงสี่แนว แต่ยังไม่ได้อ่านตัวทฤษฎีเลยอะ
ในทางปฏิบัติ ถ้าเล่นกีต้าร์ หรือ อูคุเลเล่ (หรือ คีย์บอร์ด/เปียโน) แล้วไม่ค่อยเป็นเพลง มีวิธีแก้ง่ายๆ คือ เล่นคอร์ดแค่ 1 2 3 4 พอ ไม่ต้องมีจังหวะอะไรมากมาย แล้วก็ร้องเพลงประสาน และเปิดจังหวะกลองประกอบก็พอ
ถ้าไม่มีคีย์บอร์ดไว้สร้างจังหวะกลอง ผมหา app บนมือถือ android ได้นะ
แล้วก็ตีคอร์ด 1 2 3 4 พอ ไม่ต้องหาวิธีตีคอร์ดให้มันยุ่งยาก ค่อยไปฝึกทีหลัง
15 เม.ย. 2558
แสงสว่างแห่งการฝึกกีต้าร์
ดิ้นรนกับการฝึกกีต้าร์มาซักพัก (ประมาณ 3 เดือน) ทั้งเข้าคอร์สเรียน ทั้งหาหนังสือมาอ่าน ก็พอได้แนวทางดังนี้ (เป็นของกีต้าร์โปร่งสายลวดนะครับ)
- ต้องเคยฟังเพลงที่เล่นด้วยกีต้าร์โปร่ง (ไม่ใช่กีต้าร์ไฟฟ้านะ) แล้วก็อยากฝึกเล่นตาม
- ลองฝึกมาบ้างก่อนหาคอร์สเรียน หาหนังสือได้ตาม se-ed
- คุณครูแนะนำหนังสือของ i.s. music publishing แต่เราพบว่า vcd สอนเล่นกีต้าร์ดีๆหาได้จาก MIS book ทั้งสองค่ายสามารถซื้อหนังสือ online ได้ที่ www.isbookonline.com และ www.misbook.com ซึ่งการซื้อ online ทำได้เราสามารถหาหนังสือที่ไม่ได้วางขายที่ร้านหนังสือได้
- คิดว่า พอเล่นได้พอสมควร (มากกว่าตอนนี้) จะหาวารสาร guitar มาอ่านมั้งครับ
3 เม.ย. 2558
แนวคิดในการเลือกซื้อหุ้น (+กองทุน, LTF, RMF, ตราสารหนี้, forex) ของผม (ยังไม่ได้ลองซื้อ)
ก่อนอื่นต้องคิดว่า เราอยากได้เงินเท่าไร ในเวลากี่ปี
อย่างเช่น คิดว่า อยากได้เงิน 1 ล้าน ในเวลา 5 ปี
คือ อยากคิดก็คิดได้นะ แต่ถ้าหวังสูงมาก โอกาสอด โอกาสขาดทุนก็จะมีสูง
การเลือกซื้อหุ้นต้องคิดอยู่ 3 อย่างครับ
- ซื้อช่วงจังหวะเวลาไหน (คือ เดือนไหนของปี วันที่เท่าไร)
- ซื้อหุ้นตัวไหนดี
- ต้องใช้เงินต้นเท่าไร
การเลือกว่าจะซื้อหุ้นเวลาไหน ถ้าเป็นการทำเงินระยะสั้น ให้เอากราฟเทคนิคมาจับ ถ้าเป็นระยะยาวให้ดูตามพื้นฐานของบริษัท+ข่าว
การตัดสินว่าเป็นระยะสั้น ระยะกลาง หรือระยะยาว ให้ดูตามจำนวนปี จำไม่ได้เหมือนกัน แต่โดยประมาณ น่าจะ น้อยกว่า 1 ปี ระยะสั้น, 1-10 ปี ระยะกลาง, มากกว่า 10 ปี ระยะยาว
เลือกซื้อตัวไหน? หลักการซื้อหุ้นควรกระจายความเสี่ยงครับ หลักการคือควรเลือกซื้อในหลายๆ sector ที่เวลามีข่าวร้ายหรือหุ้นตก จะได้ตกไม่พร้อมกัน
เมื่อเลือก sector แล้ว ก็เลือกหุ้นในแต่ละ sector ที่พื้นฐานดี ถ้าเป็นการเล่นหุ้นระยะยาว ถ้าเป็นระยะสั้น ไม่แน่ใจเหมือนกัน ให้ดูตามกราฟเทคนิค และการที่มีข่าวหวือหวา
การเลือกหุ้นอาจดูจากกราฟเทคนิค ดูได้ฟรีที่เว็บ siamchart ดูได้ทั้งกราฟแท่งเทียน, sma, Bollinger Bands, MACD, RSI แล้วก็ดูได้ทั้งหุ้น, LTF, RMF, กองทุนอื่นๆ แต่น่าจะต้องอยู่ในประเทศไทยเท่านั้นนะ
ต้องใช้เงินต้น เท่าไร ต้องรู้ว่าโดยเฉลี่ยหุ้นโตเท่าไร ซื่งขึ้นอยู่กับเศรษฐกิจ การเมือง ข่าวต่างประเทศด้วย parameter ที่ใช้ประเมินก็อาจจะเป็น SET index, SET50 index ถ้าเป็น SET index ก็หมายถึงหุ้นทุกตัวในตลาดหลักทรัพย์ (SET) ส่วน SET50 ก็เอาแค่บริษัทื่มีขนาดใหญ่และมั่นคง 50 อันดับแรก
ช่วงที่การเมืองและเศรษฐกิจไม่ค่อยดี อย่างเช่นมีรัฐประหาร SET index ก็อาจจะไม่ค่อยโตเลยหรือตกลง ส่วนช่วงที่เศรษฐกิจปกติ เขาบอกว่าเล่นหุ้นเน้นคุณค่า (ระยะยาว) โตได้ถึง 15-20% ต่อปี เลยนะ ถ้าเศรษฐกิจดี อาจจะโตมากกว่านั้น อย่างเช่น 50% ต่อปี ถ้าเล่นหุ้นระยะสั้น การโตของหุ้นอาจจะหวือหวามากกว่านั้น เช่นขึ้นมา 50% 100% ในช่วงเวลาสั้นๆ
ส่วนการประเมินการเติบโตของหุ้นในแต่ละ sector ก็ทำได้นะ ดูตามข่าว ดรรชนีของแต่ละ sector ก็หาดูได้ กราฟหุ้นของ SET index และ index ของแต่ละ sector และ trend line หาดูได้จาก web siamchart ครับ
หุ้นสามารถซื้อได้ที่บริษัทหลักทรัพย์ อย่างเช่นบริษัทหลักทรัพย์บัวหลวง (ติดต่อได้ที่ธนาคารกรุงเทพ) บริษัทหลักทรัพย์ MayBank KimEng หรือติดต่อที่ธนาคารต่างๆ ก็อาจจะมีบริการซื้อขายหลักทรัพย์
(หุ้น) ด้วย ซื้อแต่ละเจ้าก็มีความแตกต่างกันที่ 1. นโยบายการให้ฟรีค่าคอมมิชชั่น 2. เจ้าหน้าที่ที่จะให้คำแนะนำเรื่องหุ้น และการจัดประชุมสัมมนาให้ความรู้
นอกจากนี้ เราสามารถซื้อหุ้นต่างประเทศ (forex) online โดยตัดเงินจากบัตรเครดิตได้ โดยการสมัครผ่านทาง internet อย่างเช่น (ไม่ค่อยรู้จักผู้ให้บริการเท่าไร เพราะไม่ได้เล่น เขาบอกความเสี่ยงสูง) อย่างเช่น exness, Alpaca
การเลือกซื้อ LTF และ RMF ก็คือการเลือกซื้อกองทุนครับ กองทุนคือ portfolio หุ้น หรือการซื้อหลายๆตัว ที่มีคนเล่นให้ คนที่เล่นหุ้นให้มีชื่อว่า ผู้จัดการกองทุน โดยผู้จัดการกองทุนไม่จำเป็นต้องนำเงินทั้งหมดที่มีอยู่ในกองทุนเอาไปลงทุนครับ แต่เขาจะมีนโยบายอยู่ อย่างเช่นเอาเงินไปลงทุนในขณะในขณะหนึ่งอย่างน้อย 40% แต่ไม่เกิน 70% (จำตัวเลขไม่ได้เหมือนกัน)
เขาบอกว่า กองทุนที่มีความเสี่ยงน้อยที่สุด คือ กองทุนที่อิงดรรชนีตลาด เช่น SET index ครับ โดยเราไม่ต้องสนเลย ว่าผู้จัดการกองทุนเป็นใคร ส่วนกองทุนที่ผลตอบแทนมากที่สุดก็แล้วแต่เราจะเลือกเลยครับ แต่ความเสี่ยงก็จะมากขึ้น เราไม่จำเป็นต้องเลือกเฉพาะ LTF หรือ RMF นะครับ แต่มีกองทุนอื่นอีกมากมาย (ยกเว้นว่าเราจะลดภาษี)
กองทุนหาซื้อได้จากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ซื้อเราติดต่อได้จากธนาคารต่างๆ แต่จะแตกต่างจากหุ้นตรงที่ ถ้าเราไปธนาคารกรุงไทย เราไม่สามารถซื้อ LTF, RMF ของธนาคารกสิกรไทย ได้นะครับ เท่าที่รู้ มีบริษัทหนึ่งที่ให้บริการซื้อกองทุนได้ทุกเจ้าทุกกองทุน ก็คือ NOMURA พัฒนสิน ครับ (โดยไม่เก็บค่าบริการซื้อกองทุนเพิ่มเติมด้วยนะ และซื้อ LTF, RMF ก็ได้)
ตราสารหนี้ไม่แน่ใจว่าซื้อยังไง แต่เขาบอกว่า จะมีช่วงเวลาที่เขาเปิดให้ซื้อครับ แต่ถ้าเป็นกองทุนตราสารหนึ้ก็สามารถหาซื้อได้ง่ายมาก การซื้อตราสารหนี้เองน่าจะมีข้อจำกัดที่เงินที่ต้องใช้ อย่างเช่นจะซื้อ 100 หุ้นของ หุ้นละ 10,000 บาท ก็ต้องใช้เงินเยอะมาก ขั้นต่ำ 1 ล้านบาทครับ แล้วก็ไม่ได้เปิดซื้อขายตลอดเวลาด้วย ตราสารหนี้สามารถหาซื้อได้ที่บริษัทหลักทรัพย์
การจัด portfolio หรือรายการหุ้นที่ถือไว้ในขณะใดขณะหนึ่ง เขาบอกว่าให้คิดว่า เราจะทำเงินระยะสั้น ระยะกลาง หรือระยะยาวก่อนครับ จะได้ตัดสินได้ว่า เราจะถือหุ้นกี่เปอร์เซ็นต์ ตราสารหนี้กี่เปอร์เซ็นต์ อื่นๆเช่นพันธบัตรของรัฐบาลกี่เปอร์เซ็นต์ อย่างเช่น หุ้น 70% หนี้ 30% จริงๆเราจะซื้อหุ้นทั้ง 100% ก็ไม่มีใครว่าหรอกครับ แต่ความเสี่ยงจะสูงกว่า
ปล. ยังไม่ได้เริ่มซื้อหุ้น ซื้อแต่ LTF, RMF อะครับ แต่ขอพิมพ์บทความไว้ กันลืม
ปล2. พอหาข้อมูลมากๆ พอเห็นแนวทางในการพนันโดยใช้ forex เหมือนกันแฮะ
23 มี.ค. 2558
How to get single note melody out of any tunes: an idea
When I learned that there is a popular method of ear training called 'interval ear training,' I was rushed to play it, but didn't have much success. Then I got an idea from a specific source: 'GNU Solfege'.
The idea is:-
The idea is:-
- Get the first note right, that is, the absolute pitch. You can get it right by comparing with your modal singing voice. In male, you could sing Do-Re-Mi-Fa-Sol-La-Ti-Do, starting from G, so it would be - G A B C D E F# G. In female, it would be C D E F G A B C. As a matter of fact, I think it is harder for males to sing C D E F G A B C if you are not a singer.
- Learn the melodic interval, both ascending and descending, for minor second, major second, minor third, major third, fourth, perfect fifth, minor sixth, major sixth, and probably some other intervals. Only consider the melodic type intervals. Don't really think too much about some interval such as major seventh. which is probably rare.
- Get the interval right between each notes of your tune. It is best to simply forget the absolute pitch as it will interfere with getting the interval right, and bias your thinking towards the wrong note.
- Check your notes with the major scale, chords, and modes.
I am still testing my idea, though, but I hope this will point the readers towards the success. GL!
14 มี.ค. 2558
Review hp Pavillion x2 (10-inch)
หลังจากที่ซื้อมาใช้แล้วประมาณ 1 สัปดาห์ พบว่ามันเป็น tablet มากกว่าเป็น notebook ครับ เรียกว่ามันทำงานเป็น notebook ได้ด้วยดีกว่า ด้วยน้ำหนักหน้าจอแค่ 600 กรัม และถอดออกมาจาก keyboard ได้อย่างง่ายดาย มี usb port ขนาดเต็มไว้ให้ใช้ด้วย และอยู่ในส่วนของหน้าจอ
ข้อเสียที่ว่าซื้อแล้วเสียดาย...
- hybrid tablet RAM 4-8 GB, core i5-i7 น้ำหนัก 1.1-1.2 kg ก็หาซื้อได้ครับ แต่ราคาแพง แล้วก็ design อาจจะไม่สะดวกเท่านี้
- tablet windows 8 ขนาด 7 นิ้ว ราคาแค่ราว 3000-5000 แต่มันจะไม่มี keyboard
ข้อดีที่โดดเด่น
- หน้าจอถอดง่ายมาก น่าจะง่ายกว่า ASUS T100 และ Miix 3 และหน้าจอก็มีน้ำหนักเบามากๆ แค่ 600 กรัม
- ส่วนประกอบทุกอย่างอยู่กับหน้าจอ และที่ keyboard ไม่มีอะไร ที่โดดเด่นคือ มี usb port ขนาดเต็มที่หน้าจอ ทำให้สามารถต่อกับ external harddisk ได้โดยไม่ต้องพึ่ง keyboard (ดีกว่า ASUS T100)
- แผ่นแม่เหล็กที่ติดอยู่กับ keyboard เป็นตัวช่วยป้องกัน keyboard เวลาเก็บ keybard แยกใส่กระเป๋า และทำให้สามารถเก็บหน้าจอและ keyboard ใส่กระเป๋าแยกกันได้อย่างปลอดภัย ไม่ต้องนำมาประกอบกัน
- ลำโพงที่อยู๋ 2 ข้างของหน้าจอเป็นรอยตั้งแต่วันแรกที่ซื้อมา เป็นรอยง่ายมาก น่าจะทำจากพลาสติกอ่อน
- ตั้งแต่ซื้อมาก ทำคอมค้างต้อง reset ไปราว 5-6 รอบแล้ว เกิดจากใช้งานมันหนักเกินไป
- พยายามลง android ก็ใช้ได้นะ เฉพาะใน virtualbox (ตอนนี้ทำ fullscreen, share file, load app, multitouch เล่นเน็ต ได้แล้ว ถ้าสนใจสอบถามได้) แต่ช้าและกระตุกบ้าง (allocate RAM ไว้ 768 MB) ส่วน Bluestacks, Genymotion, Windroy ช้ามาก load ไม่สำเร็จ
สิ่งที่อาจจะเป็นปัญหาในอนาคต
- ข้อต่อระหว่างหน้าจอและ keyboard ถอดได้ง่าย ก็อาจจะพังง่าย? รึเปล่า
สิ่งที่เขาว่าน่าจะทำได้ แต่ยังไม่ได้ลอง
- ถ้ายึดตาม ASUS T100 นะ photoshop กับ video editing (Intel Bay Trail) น่าจะทำได้ แต่เขาว่า ASUS T100 performance ดีกว่านิดนึง แต่ Pavillion x2 หน้าจอจะสีสวยสดกว่า
สรุป bottom line
- ถ้าอยากได้ tablet ที่เป็น netbook น้ำหนักเบา มี port usb ราคาไม่แพง ตัวนี้ก็แนะนำครับ (ไม่แพงตัวอื่น T100; T300, iconia w511 ก็น่าสนใจ) แต่ถ้าต้องการ ultrabook หรือมีงบประมาณก็แนะนำตัวเลือกที่ราคาแพงกว่า อย่าง Microsoft Surface Pro 3 ครับ ตัวเลือกอื่นก็อย่างเช่น Dell Venue 11 Pro หรือ ของ sony (รุ่น vaio duo 11 มั้ง จำไม่ได้) ครับ
- Sony vaio duo 11 ดู decent spec นะ core i7 RAM 8GB model sliding อะ ชอบมากกว่า surface pro อีก
----------
//Update//
คอมค้างบ่อยมากครับผม ต้องกดค้างให้มันดับไป ไม่รู้คอมจะเสียเร็วป่าวเนี่ย
Update2 (13/4/58)
อิงจาก http://www.unigang.com/Article/17700
วันหลังคงต้องเลือก RAM 4 GB, Core i3-i5 เป็นขั้นต่ำมั้งครับผม
Surface Pro ก็พอเข้าเกณฑ์อยู่นะ เพราะมี spec ให้เลือก รุ่นอื่นนึกไม่ค่อยออกอะ vaio duo นี่ก็ ok เพราะเป็น i7 ส่วน Dell Venue นี่เป็น Atom ครับ spec อาจจะต่ำไปหน่อย ราคาคงต้องเตรียมเงินอย่างน้อยซัก 40,000
ป้ายกำกับ:
android,
android x86,
hp pavillion x2,
notebook,
t100,
tablet,
virtualbox,
windows
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)